วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ชอบมาก
ปั๊บ - พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 2 พฤศจิกายน 2524
การ ศึกษาปัจจุบัน :. ปี4 สาขาโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. เกิดและเติบโตที่เชียงใหม่ ตอนเด็กๆ จะซนมาก ชอบการผจญภัย เพราะใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะมีเพื่อนมากชอบชวนกันไปเที่ยวเล่น เช่น ขี่จักรยานข้ามจังหวัด เที่ยวป่า และเล่นซ่อนหาตอนกลางคืน ผมชอบร้องเพลง เล่นๆ พวกเพลงยอดมนุษย์ 5 มนุษย์ไฟฟ้า ฯลฯ จนอยู่ชั้นประถมชักชอบจริงๆ จังๆ พออยู่ ม.ปลาย เริ่มรู้สึกว่าเวลาร้องเพลงควรมีเสียง ดนตรี เลยลองหัดเล่นกีตาร์จนพอได้ จากนั้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ร้องเพลง ผมเข้า มาเรียนพื้นฐานร้องเพลงที่แกรมมี่ แล้วก็ฝึกฝนต่อด้วยตัวเอง จน ปี 2543 ได้ออกเทป 1 ชุดกับวง Potato และในปี 2546 ร้องเพลงประกอบละคร เรื่องกามเทพตัวน้อย
วงดนตรีที่ชอบ : HOOBASTANK , INCUBUS
HOBBY : สะสมหุ่นโมเดล กันดัม
เป้าหมายในชีวิต : อยากเปิดร้านขายของเล่น อยากเล่นดนตรีจนแก่ และแต่งเพลงเอง
บ๋อม - สุวาทิน วัฒนวิทูกูร
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 5 กันยายน 2520
การศึกษา ปัจจุบัน :. กำลังศึกษาปริญญาโท เอกการสื่อสารระหว่างบุคคล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
กีฬา :. บาสเกตบอล , อเมริกัน ฟุตบอล
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. ตอนเด็กๆ ผมเรียนที่โรงเรียน "เลิศสิน" ผมเป็นคนนิ่งๆ เอ๋อๆ ขี้เกียจทำการบ้าน ชอบหาอะไรที่ทำแล้วสนุก เลยคิดว่าอยากเล่นดนตรี เลยมาเข้าวงดุริยางค์ตอน ป.4 เป่า Melodian ป.5-ปวส.2 เล่น Trumpet ช่วงม.2-ม.3 ชอบนูโว เห็นพี่ก้องเล่นกีตาร์แล้วอยากเล่นกีตาร์ ตอน ม.3 ผมย้ายตามพ่อที่ไปทำงานที่เมืองจีน ได้อ่านนิตยสารภาษาอังกฤษเกี่ยวกับดนตรีทำให้เราตาสว่างมากขึ้น ได้เห็นว่าโลกของดนตรีมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ โลกของดนตรีมีมากกว่านี้ ผมเลยเริ่มสนใจอะไรที่มากกว่าดุริยางค์ พอกลับมาเมืองไทยก็มาเรียนที่เลิศสินต่อ อายุ 15 ปี หัดตีกลอง พ่อซื้อกลองให้ชุดแรก ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่
แนวเพลงที่ชอบฟัง :. เริ่มจากช่วงอายุ 15 ปี จะฟังเพลงแนว Heavy Metal พวกเมทัลลิกา ต่อมาก็เป็นแนวอัลเทอร์เนทีฟ พวก Nirvana , Manic Street Preacher แล้วก็เลยเถิดมาสนใจ J-Rock เพราะเมโลดี้มันเพราะ อายุ 17 ปี ประกวดดนตรีที่โรงเรียน ชนะรางวัลที่ 1 อายุ 18 ปี ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ชื่อ "Ama-Slamz" (อาม่า สแลมส์) เล่นเพลงแบบว่า Thrash Metal หนักๆ (อยากเท่) ส่ง Demo ไปค่ายเพลงต่างๆ 20 กว่าม้วน ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจปี 2531 ประกวดวงโยธวาทิต ชิงแชมป์ กทม. (ตกรอบแรก) อายุประมาณ 20 ปี (ปี3-ปี4) ทำวงเล่นเพลง J-Rock ชื่อวง Marmalade แต่งตัวตุ๊ดๆ หลังจากนั้นย้ายไปอยู่วงชื่อ EZRA (เอสร่า) เล่น J-Rock อยู่ แต่ไม่แต่งตัวตุ๊ดแล้ว ช่วงเล่น J-Rock เนื่องจากหาเวทีเล่นไม่ได้ เลยจัดคอนเสิร์ตเอง เล่นเอง (เจ๊งเอง) หลังจากนั้นได้ออกเทปกับ Potato ก็ติดใจตอนนี้เลยเล่นกับเพื่อนๆ Potato ตลอดมา
เป้าหมายในชีวิต :. อยากเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ และอยากเปิดโรงเรียนดนตรี ห้องซ้อม เพราะอยากผลิตเด็กที่สนใจด้านดนตรี เพราะเรามีประสบการณ์มาก่อน เรารู้ว่าพวกเขาขาดสิ่งเหล่านี้ และต้องการสนับสนุน
โอม - ปิยวัฒน์ อนุกูล
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 14 สิงหาคม 2523
การศึกษาปัจจุบัน :. ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันราชภัฏสวนดุสิต
กีฬา :. ว่ายน้ำ ฟุตบอล จักรยาน
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ ม.2 โดยเริ่มเล่นกีตาร์โปร่งก่อน และมาเรียนกลองตอน ปวช.ปี 1 จนได้เข้าห้องซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ แต่เนื่องจากมีคนเล่นกีตาร์และกลองอยู่เยอะ แต่ไม่มีคนเล่นเบส ผมเลยมาเล่น เพื่อนๆ บอกว่าเล่นดี ผมก็เลยเล่นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ก็คิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้ว ตอน ปวช.ปี 3 ประกวดวงดนตรีที่โรงเรียนได้ที่ 3 ผมชอบเล่นดนตรีเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เคยทำมา และรู้สึกว่าชอบที่ได้ทำอะไรเป็นหมู่คณะ เป็นการฝึกความสามัคคีในหมู่เพื่อนๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้วครับ
วงดนตรีที่ชอบ :. Slipknot , Eagle
HOBBY :. ชอบพวกรถเก่า มอเตอร์ไซค์เก่า
เป้าหมายในชีวิต :. อยากขายรถเก่า อยากมีห้องซ้อมของตัวเอง
แนวเพลง :. Acoustic Rock
สังกัด :. มิวสิค ครีม
ผลงาน
- ปี 2544 อัลบั้ม Potato (สังกัดแกรมมี่ จี)
- ปี 2546 อัลบั้ม Go On (สังกัดมิวสิค ครีม)
ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตา การเดินทางของโปเตโต้เริ่มต้นขึ้นที่ โน้ต-ปีย์-บ๋อม มีโอกาสร่วมงานกันครั้งแรกในการถ่ายโฆษณาโค้ก ฝีมือทางดนตรีของพวกเขาเข้าตาทีมงาน จึงได้เข้ามาสกรีนเทสต์ที่แกรมมี่ฯ แต่ก็ยังขาดมือเบส จึงต้องทำการคัดเลือกนักดนตรีใน ตำแหน่งนี้กันอีกรอบ นุชคือมือเบสผู้หญิง ที่เข้ามาคัดเลือกในครั้งนั้น ฝีมือของเธอถูกใจ ทั้งทีมงานและสมาชิกในวง เธอจึงกลายเป็นสมาชิกคนที่ 4 ในที่สุด และสมาชิกคนสุดท้ายของวงก็คือปั๊บ เขาเข้ามาเพื่อเพิ่มความ หลากหลายในการร้องของโปเตโต้ ให้มีทั้งสนุกสนานและซึ้งกินใจ
อัลบั้มแรก ของพวกเขา POTATO เน้นที่ลักษณะโดดเด่นคือ ความมันส์และตรงไปตรงมา เพลงโปรโมท "เร็วมาก" และ "ทำนองที่หายไป" ทำให้ชื่อของโปเตโต้เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นไทย อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ "เธอไปกับใคร" ก็กลายเป็นอีกเพลง ที่ฮิตติดหูในทันทีที่ถูกเปิดทางวิทยุหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานเพลงชุดแรก นุช มือเบสซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องการเรียน จึงขอลาออกจากวง และระหว่างการเตรียมงานเพลงชุดใหม่อยู่ นั้น วันที่ 4 ตุลาคม 2545 ได้เกิดเหตุการณ์ช็อควงการเพลง เมื่อปีย์-นักร้องนำและมือกีตาร์ ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ก่อนที่ปีย์จะจากไปอย่างไม่หวนกลับนั้น เขาและเพื่อนๆ ได้เริ่มก่อรูปงานอัลบั้มใหม่ไปแล้วถึง 3 เพลง คือเพลง "น้ำหอม" ที่ปีย์ได้อัดและร้องไว้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเพลง "ไม่ให้เธอไป" ซึ่งปีย์ได้แต่งทำนองไว้ ส่วนเพลง "กล้าพอไหม" กำลังเสนอให้ทีมเพลง เรียบเรียงดนตรีใหม่ในขณะที่ ปั๊ป-บ๋อม-โน้ต ยังรักที่จะอยากเล่นดนตรีต่อไป ทั้งสามจึงตัดสินใจเดินหน้าทำงานเพลง เพื่อสานต่อความฝันของพวกเขาและปีย์ โดยการหาสมาชิกเพิ่มเติม โน้ตได้ชักชวน "โอม" มือเบสฝีมือดี ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกัน และเล่นดนตรีมาด้วยกัน ส่วนบ๋อมได้ติดต่อ"วิน" มือกีตาร์อายุน้อยแต่มากฝีมือ ที่เคยเรียนดนตรี และร่วมแสดงดนตรีงานโรงเรียนมาด้วยกัน เข้ามาเป็นสมาชิกเสริมคนสุดท้ายของวง
จาก 3 เพลงแรกที่ทำ ค้างไว้ พวกเขานำมาสานต่อทิศทางของดนตรีให้ชัดเจนขึ้น ด้วยความต้องการซาวนด์ดนตรีสด หนักแน่น แต่ผสมผสานความนุ่มนวลของเมโลดี้ และด้วยเสน่ห์เสียงใสๆ นุ่มๆ ของกีตาร์อะคูสติก งานเพลงชุดที่ 2 "Go On" จึงกลายมาเป็น Acoustic Rock ที่ฟังสบายๆ อบอุ่น
*ป.ล.ผลงานชิ้นล่าสุดฮิตติดชาร์จเกือบทุกเพลง มาในอัลบั้ม *lite*
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 2 พฤศจิกายน 2524
การ ศึกษาปัจจุบัน :. ปี4 สาขาโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. เกิดและเติบโตที่เชียงใหม่ ตอนเด็กๆ จะซนมาก ชอบการผจญภัย เพราะใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะมีเพื่อนมากชอบชวนกันไปเที่ยวเล่น เช่น ขี่จักรยานข้ามจังหวัด เที่ยวป่า และเล่นซ่อนหาตอนกลางคืน ผมชอบร้องเพลง เล่นๆ พวกเพลงยอดมนุษย์ 5 มนุษย์ไฟฟ้า ฯลฯ จนอยู่ชั้นประถมชักชอบจริงๆ จังๆ พออยู่ ม.ปลาย เริ่มรู้สึกว่าเวลาร้องเพลงควรมีเสียง ดนตรี เลยลองหัดเล่นกีตาร์จนพอได้ จากนั้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ร้องเพลง ผมเข้า มาเรียนพื้นฐานร้องเพลงที่แกรมมี่ แล้วก็ฝึกฝนต่อด้วยตัวเอง จน ปี 2543 ได้ออกเทป 1 ชุดกับวง Potato และในปี 2546 ร้องเพลงประกอบละคร เรื่องกามเทพตัวน้อย
วงดนตรีที่ชอบ : HOOBASTANK , INCUBUS
HOBBY : สะสมหุ่นโมเดล กันดัม
เป้าหมายในชีวิต : อยากเปิดร้านขายของเล่น อยากเล่นดนตรีจนแก่ และแต่งเพลงเอง
บ๋อม - สุวาทิน วัฒนวิทูกูร
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 5 กันยายน 2520
การศึกษา ปัจจุบัน :. กำลังศึกษาปริญญาโท เอกการสื่อสารระหว่างบุคคล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
กีฬา :. บาสเกตบอล , อเมริกัน ฟุตบอล
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. ตอนเด็กๆ ผมเรียนที่โรงเรียน "เลิศสิน" ผมเป็นคนนิ่งๆ เอ๋อๆ ขี้เกียจทำการบ้าน ชอบหาอะไรที่ทำแล้วสนุก เลยคิดว่าอยากเล่นดนตรี เลยมาเข้าวงดุริยางค์ตอน ป.4 เป่า Melodian ป.5-ปวส.2 เล่น Trumpet ช่วงม.2-ม.3 ชอบนูโว เห็นพี่ก้องเล่นกีตาร์แล้วอยากเล่นกีตาร์ ตอน ม.3 ผมย้ายตามพ่อที่ไปทำงานที่เมืองจีน ได้อ่านนิตยสารภาษาอังกฤษเกี่ยวกับดนตรีทำให้เราตาสว่างมากขึ้น ได้เห็นว่าโลกของดนตรีมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ โลกของดนตรีมีมากกว่านี้ ผมเลยเริ่มสนใจอะไรที่มากกว่าดุริยางค์ พอกลับมาเมืองไทยก็มาเรียนที่เลิศสินต่อ อายุ 15 ปี หัดตีกลอง พ่อซื้อกลองให้ชุดแรก ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่
แนวเพลงที่ชอบฟัง :. เริ่มจากช่วงอายุ 15 ปี จะฟังเพลงแนว Heavy Metal พวกเมทัลลิกา ต่อมาก็เป็นแนวอัลเทอร์เนทีฟ พวก Nirvana , Manic Street Preacher แล้วก็เลยเถิดมาสนใจ J-Rock เพราะเมโลดี้มันเพราะ อายุ 17 ปี ประกวดดนตรีที่โรงเรียน ชนะรางวัลที่ 1 อายุ 18 ปี ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ชื่อ "Ama-Slamz" (อาม่า สแลมส์) เล่นเพลงแบบว่า Thrash Metal หนักๆ (อยากเท่) ส่ง Demo ไปค่ายเพลงต่างๆ 20 กว่าม้วน ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจปี 2531 ประกวดวงโยธวาทิต ชิงแชมป์ กทม. (ตกรอบแรก) อายุประมาณ 20 ปี (ปี3-ปี4) ทำวงเล่นเพลง J-Rock ชื่อวง Marmalade แต่งตัวตุ๊ดๆ หลังจากนั้นย้ายไปอยู่วงชื่อ EZRA (เอสร่า) เล่น J-Rock อยู่ แต่ไม่แต่งตัวตุ๊ดแล้ว ช่วงเล่น J-Rock เนื่องจากหาเวทีเล่นไม่ได้ เลยจัดคอนเสิร์ตเอง เล่นเอง (เจ๊งเอง) หลังจากนั้นได้ออกเทปกับ Potato ก็ติดใจตอนนี้เลยเล่นกับเพื่อนๆ Potato ตลอดมา
เป้าหมายในชีวิต :. อยากเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ และอยากเปิดโรงเรียนดนตรี ห้องซ้อม เพราะอยากผลิตเด็กที่สนใจด้านดนตรี เพราะเรามีประสบการณ์มาก่อน เรารู้ว่าพวกเขาขาดสิ่งเหล่านี้ และต้องการสนับสนุน
โอม - ปิยวัฒน์ อนุกูล
วัน/เดือน/ปีเกิด :. 14 สิงหาคม 2523
การศึกษาปัจจุบัน :. ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันราชภัฏสวนดุสิต
กีฬา :. ว่ายน้ำ ฟุตบอล จักรยาน
ประสบการณ์ ด้านดนตรี :. เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ ม.2 โดยเริ่มเล่นกีตาร์โปร่งก่อน และมาเรียนกลองตอน ปวช.ปี 1 จนได้เข้าห้องซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ แต่เนื่องจากมีคนเล่นกีตาร์และกลองอยู่เยอะ แต่ไม่มีคนเล่นเบส ผมเลยมาเล่น เพื่อนๆ บอกว่าเล่นดี ผมก็เลยเล่นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ก็คิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้ว ตอน ปวช.ปี 3 ประกวดวงดนตรีที่โรงเรียนได้ที่ 3 ผมชอบเล่นดนตรีเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เคยทำมา และรู้สึกว่าชอบที่ได้ทำอะไรเป็นหมู่คณะ เป็นการฝึกความสามัคคีในหมู่เพื่อนๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าชอบมันมากที่สุดแล้วครับ
วงดนตรีที่ชอบ :. Slipknot , Eagle
HOBBY :. ชอบพวกรถเก่า มอเตอร์ไซค์เก่า
เป้าหมายในชีวิต :. อยากขายรถเก่า อยากมีห้องซ้อมของตัวเอง
แนวเพลง :. Acoustic Rock
สังกัด :. มิวสิค ครีม
ผลงาน
- ปี 2544 อัลบั้ม Potato (สังกัดแกรมมี่ จี)
- ปี 2546 อัลบั้ม Go On (สังกัดมิวสิค ครีม)
ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตา การเดินทางของโปเตโต้เริ่มต้นขึ้นที่ โน้ต-ปีย์-บ๋อม มีโอกาสร่วมงานกันครั้งแรกในการถ่ายโฆษณาโค้ก ฝีมือทางดนตรีของพวกเขาเข้าตาทีมงาน จึงได้เข้ามาสกรีนเทสต์ที่แกรมมี่ฯ แต่ก็ยังขาดมือเบส จึงต้องทำการคัดเลือกนักดนตรีใน ตำแหน่งนี้กันอีกรอบ นุชคือมือเบสผู้หญิง ที่เข้ามาคัดเลือกในครั้งนั้น ฝีมือของเธอถูกใจ ทั้งทีมงานและสมาชิกในวง เธอจึงกลายเป็นสมาชิกคนที่ 4 ในที่สุด และสมาชิกคนสุดท้ายของวงก็คือปั๊บ เขาเข้ามาเพื่อเพิ่มความ หลากหลายในการร้องของโปเตโต้ ให้มีทั้งสนุกสนานและซึ้งกินใจ
อัลบั้มแรก ของพวกเขา POTATO เน้นที่ลักษณะโดดเด่นคือ ความมันส์และตรงไปตรงมา เพลงโปรโมท "เร็วมาก" และ "ทำนองที่หายไป" ทำให้ชื่อของโปเตโต้เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นไทย อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ "เธอไปกับใคร" ก็กลายเป็นอีกเพลง ที่ฮิตติดหูในทันทีที่ถูกเปิดทางวิทยุหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานเพลงชุดแรก นุช มือเบสซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องการเรียน จึงขอลาออกจากวง และระหว่างการเตรียมงานเพลงชุดใหม่อยู่ นั้น วันที่ 4 ตุลาคม 2545 ได้เกิดเหตุการณ์ช็อควงการเพลง เมื่อปีย์-นักร้องนำและมือกีตาร์ ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ก่อนที่ปีย์จะจากไปอย่างไม่หวนกลับนั้น เขาและเพื่อนๆ ได้เริ่มก่อรูปงานอัลบั้มใหม่ไปแล้วถึง 3 เพลง คือเพลง "น้ำหอม" ที่ปีย์ได้อัดและร้องไว้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเพลง "ไม่ให้เธอไป" ซึ่งปีย์ได้แต่งทำนองไว้ ส่วนเพลง "กล้าพอไหม" กำลังเสนอให้ทีมเพลง เรียบเรียงดนตรีใหม่ในขณะที่ ปั๊ป-บ๋อม-โน้ต ยังรักที่จะอยากเล่นดนตรีต่อไป ทั้งสามจึงตัดสินใจเดินหน้าทำงานเพลง เพื่อสานต่อความฝันของพวกเขาและปีย์ โดยการหาสมาชิกเพิ่มเติม โน้ตได้ชักชวน "โอม" มือเบสฝีมือดี ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกัน และเล่นดนตรีมาด้วยกัน ส่วนบ๋อมได้ติดต่อ"วิน" มือกีตาร์อายุน้อยแต่มากฝีมือ ที่เคยเรียนดนตรี และร่วมแสดงดนตรีงานโรงเรียนมาด้วยกัน เข้ามาเป็นสมาชิกเสริมคนสุดท้ายของวง
จาก 3 เพลงแรกที่ทำ ค้างไว้ พวกเขานำมาสานต่อทิศทางของดนตรีให้ชัดเจนขึ้น ด้วยความต้องการซาวนด์ดนตรีสด หนักแน่น แต่ผสมผสานความนุ่มนวลของเมโลดี้ และด้วยเสน่ห์เสียงใสๆ นุ่มๆ ของกีตาร์อะคูสติก งานเพลงชุดที่ 2 "Go On" จึงกลายมาเป็น Acoustic Rock ที่ฟังสบายๆ อบอุ่น
*ป.ล.ผลงานชิ้นล่าสุดฮิตติดชาร์จเกือบทุกเพลง มาในอัลบั้ม *lite*
น่าเที่ยวจัง
ระบบสุริยะจักรวาล
7Share ระบบสุริยะ ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และดาวบริวาร โลกเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3 โดยทั่วไป ถ้าให้ถูกต้องที่สุดควรเรียกว่า ระบบดาวเคราะห์ เมื่อกล่าวถึงระบบที่มีวัตถุต่างๆ โคจรรอบดาวฤกษ์
ระบบสุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองที่เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวงในกาแลกซี่ทางช้างเผือก ต้องมีระบบสุริยะที่เอื้ออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็นบริวารอยู่อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของเราอยู่เป็น ระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง )
และยังมีดวงจันทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ ที่ไม่มีบริวาร ดาวเคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อุกกาบาต (Meteorites) ตลอดจนกลุ่มฝุ่นและก๊าซ ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมื่อเทียบระยะทาง ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ซึ่งมีระยะ ทางประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วยดาราศาสตร์ กล่าวคือ ระบบสุริยะมีระยะทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลูโต ดาว เคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในระบบสุริยะ ซึ่งอยู่ไกล เป็นระยะทาง 40 เท่าของ 1 หน่วยดาราศาสตร์ และยังไกลห่างออก ไปอีกจนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oort's Cloud) ซึ่งอาจอยู่ไกลถึง 500,000 เท่า ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกว่าร้อยละ 99 ของมวลทั้งหมดในระบบสุริยะที่เหลือ
ระบบสุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองที่เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวงในกาแลกซี่ทางช้างเผือก ต้องมีระบบสุริยะที่เอื้ออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็นบริวารอยู่อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของเราอยู่เป็น ระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง )
และยังมีดวงจันทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ ที่ไม่มีบริวาร ดาวเคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อุกกาบาต (Meteorites) ตลอดจนกลุ่มฝุ่นและก๊าซ ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมื่อเทียบระยะทาง ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ซึ่งมีระยะ ทางประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วยดาราศาสตร์ กล่าวคือ ระบบสุริยะมีระยะทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลูโต ดาว เคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในระบบสุริยะ ซึ่งอยู่ไกล เป็นระยะทาง 40 เท่าของ 1 หน่วยดาราศาสตร์ และยังไกลห่างออก ไปอีกจนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oort's Cloud) ซึ่งอาจอยู่ไกลถึง 500,000 เท่า ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกว่าร้อยละ 99 ของมวลทั้งหมดในระบบสุริยะที่เหลือ
นอกนั้นจะเป็นมวลของ เทหวัตถุต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต รวมไปถึงฝุ่นและก๊าซ ที่ล่องลอยระหว่าง ดาวเคราะห์ แต่ละดวง โดยมีแรงดึงดูด (Gravity) เป็นแรงควบคุมระบบสุริยะ ให้เทหวัตถุบนฟ้าทั้งหมด เคลื่อนที่เป็นไปตามกฏแรง แรงโน้มถ่วงของนิวตัน ดวงอาทิตย์แพร่พลังงาน ออกมา ด้วยอัตราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรีต่อวินาที
เป็นพลังงานที่เกิดจากปฏิกริยาเทอร์โม นิวเคลียร์ โดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนให้กับดาว ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ จะเสียไฮโดรเจนไปถึง 4,000,000 ตันต่อวินาทีก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์ จะยังคงแพร่พลังงานออกมา ในอัตราที่เท่ากันนี้ได้อีกนานหลายพันล้านปี
ชื่อของดาว เคราะห์ทั้ง 9 ดวงยกเว้นโลก ถูกตั้งชื่อตามเทพของชาวกรีก เพราะเชื่อว่าเทพเหล่านั้นอยู่บนสรวงสวรค์ และเคารพบูชาแต่โบราณกาล ในสมัยโบราณจะรู้จักดาวเคราะห์เพียง 5 ดวงเท่านั้น(ไม่นับโลกของเรา) เพราะสามารถเห็นได้ ด้วยตาเปล่าคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ประกอบกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ รวมเป็น 7 ทำให้เกิดวันทั้ง 7 ในสัปดาห์นั่นเอง และดาวทั้ง 7 นี้จึงมีอิทธิพลกับดวงชะตาชีวิตของคนเราตามความเชื่อถือทางโหราศาสตร์ ส่วนดาวเคราะห์อีก 3 ดวง คือ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ถูกค้นพบภายหลัง แต่นักดาราศาสตร์ก็ตั้งชื่อตามเทพของกรีก เพื่อให้สอดคล้องกันนั่นเอง
ทฤษฎีการกำเนิดของระบบสุริยะ
หลักฐานที่ สำคัญของการกำเนิดของระบบสุริยะก็คือ การเรียงตัว และการเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบระเบียบของดาว เคราะห์ ดวงจันทร์บริวาร ของดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย ที่แสดงให้เห็นว่าเทหวัตถุ ทั้งมวลบนฟ้า นั้นเป็นของ ระบบสุริยะ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่เทหวัตถุท้องฟ้าหลายพันดวงจะมีระบบโดยบังเอิญโดยมิได้มีจุดกำเนิดร่วมกัน
Piere Simon Laplace ได้เสนอทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบสุริยะ ไว้เมื่อปี ค.ศ.1796 กล่าวว่า ในระบบสุริยะจะมีมวลของก๊าซรูปร่างเป็นจานแบนๆ ขนาดมหึมาหมุนรอบ ตัวเองอยู่ ในขณะที่หมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลง เพราะแรงดึงดูดของมวลก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการหมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลงเพราะแรงดึงดูดของ ก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการ หมุนรอบตังเองมีความเร็วสูงขึ้นเพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุม (Angular Momentum) ในที่สุด
เมื่อความเร็วมีอัตราสูงขึ้น จนกระทั่งแรงหนีศูนย์กลางที่ขอบของกลุ่มก๊าซมีมากกว่าแรงดึงดูด ก็จะทำให้เกิดมีวงแหวน ของกลุ่มก๊าซแยก ตัวออกไปจากศุนย์กลางของกลุ่มก๊าซเดิม และเมื่อเกิดการหดตัวอีกก็จะมีวงแหวนของกลุ่มก๊าซเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ วงแหวนที่แยกตัวไปจากศูนย์กลางของวงแหวนแต่ละวงจะมีความกว้างไม่เท่ากัน ตรงบริเวณที่มีความหนาแน่นมากที่สุดของวงจะคอยดึงวัตถุทั้งหมดในวงแหวน มารวมกันแล้วกลั่นตัวเป็นดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ของดาว ดาวเคราะห์จะเกิดขึ้นจากการหดตัวของดาวเคราะห์
เป็นพลังงานที่เกิดจากปฏิกริยาเทอร์โม นิวเคลียร์ โดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนให้กับดาว ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ จะเสียไฮโดรเจนไปถึง 4,000,000 ตันต่อวินาทีก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์ จะยังคงแพร่พลังงานออกมา ในอัตราที่เท่ากันนี้ได้อีกนานหลายพันล้านปี
ชื่อของดาว เคราะห์ทั้ง 9 ดวงยกเว้นโลก ถูกตั้งชื่อตามเทพของชาวกรีก เพราะเชื่อว่าเทพเหล่านั้นอยู่บนสรวงสวรค์ และเคารพบูชาแต่โบราณกาล ในสมัยโบราณจะรู้จักดาวเคราะห์เพียง 5 ดวงเท่านั้น(ไม่นับโลกของเรา) เพราะสามารถเห็นได้ ด้วยตาเปล่าคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ประกอบกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ รวมเป็น 7 ทำให้เกิดวันทั้ง 7 ในสัปดาห์นั่นเอง และดาวทั้ง 7 นี้จึงมีอิทธิพลกับดวงชะตาชีวิตของคนเราตามความเชื่อถือทางโหราศาสตร์ ส่วนดาวเคราะห์อีก 3 ดวง คือ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ถูกค้นพบภายหลัง แต่นักดาราศาสตร์ก็ตั้งชื่อตามเทพของกรีก เพื่อให้สอดคล้องกันนั่นเอง
ทฤษฎีการกำเนิดของระบบสุริยะ
หลักฐานที่ สำคัญของการกำเนิดของระบบสุริยะก็คือ การเรียงตัว และการเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบระเบียบของดาว เคราะห์ ดวงจันทร์บริวาร ของดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย ที่แสดงให้เห็นว่าเทหวัตถุ ทั้งมวลบนฟ้า นั้นเป็นของ ระบบสุริยะ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่เทหวัตถุท้องฟ้าหลายพันดวงจะมีระบบโดยบังเอิญโดยมิได้มีจุดกำเนิดร่วมกัน
Piere Simon Laplace ได้เสนอทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบสุริยะ ไว้เมื่อปี ค.ศ.1796 กล่าวว่า ในระบบสุริยะจะมีมวลของก๊าซรูปร่างเป็นจานแบนๆ ขนาดมหึมาหมุนรอบ ตัวเองอยู่ ในขณะที่หมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลง เพราะแรงดึงดูดของมวลก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการหมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลงเพราะแรงดึงดูดของ ก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการ หมุนรอบตังเองมีความเร็วสูงขึ้นเพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุม (Angular Momentum) ในที่สุด
เมื่อความเร็วมีอัตราสูงขึ้น จนกระทั่งแรงหนีศูนย์กลางที่ขอบของกลุ่มก๊าซมีมากกว่าแรงดึงดูด ก็จะทำให้เกิดมีวงแหวน ของกลุ่มก๊าซแยก ตัวออกไปจากศุนย์กลางของกลุ่มก๊าซเดิม และเมื่อเกิดการหดตัวอีกก็จะมีวงแหวนของกลุ่มก๊าซเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ วงแหวนที่แยกตัวไปจากศูนย์กลางของวงแหวนแต่ละวงจะมีความกว้างไม่เท่ากัน ตรงบริเวณที่มีความหนาแน่นมากที่สุดของวงจะคอยดึงวัตถุทั้งหมดในวงแหวน มารวมกันแล้วกลั่นตัวเป็นดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ของดาว ดาวเคราะห์จะเกิดขึ้นจากการหดตัวของดาวเคราะห์
สำหรับดาวหางและสะเก็ดดาวนั้น เกิดขึ้นจากเศษหลงเหลือระหว่าง การเกิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ดังนั้นดวงอาทิตย์ในปัจจุบันก็คือ มวลก๊าซ ดั้งเดิมที่ทำให้เกิดระบบสุริยะขึ้นมานั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายทฤษฎีที่มีความเชื่อในการเกิดระบบสุริยะ แต่ในที่สุดก็มีความเห็นคล้ายๆ กับแนวทฤษฎีของ Laplace ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีของ Coral Von Weizsacker นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ซึ่งกล่าวว่า มีวงกลมของกลุ่มก๊าซและฝุ่นละอองหรือเนบิวลา ต้นกำเนิดดวงอาทิตย์ (Solar Nebular) ห้อมล้อมอยู่รอบดวงอาทิตย์
ขณะที่ดวง อาทิตย์เกิดใหม่ๆ และละอองสสารในกลุ่มก๊าซ เกิดการกระแทกซึ่งกันและกัน แล้วกลายเป็นกลุ่มก้อนสสาร ขนาดใหญ่ จนกลายเป็นเทหวัตถุแข็ง เกิดขั้นในวงโคจรของดวงอาทิตย์ ซึ่งเราเรียกว่า ดาวเคราะห์และดวงจันทร์ของดาวเคราะห์นั่นเอง
ระบบสุริยะของเรามีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบ กับโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกาแล็กซีของเราหรือ กาแล็กซีทางช้างเผือก ระบบสุริยะตั้งอยู่ในบริเวณวงแขนของกาแล็กซีทางช้างเผือก (Milky Way) ซึ่งเปรียบเสมือนวงล้อยักษ์ที่หมุนอยู่ในอวกาศ โดยระบบสุริยะ จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกประมาณ 30,000 ปีแสง ดวงอาทิตย์ จะใช้เวลาประมาณ 225 ล้านปี ในการเคลื่อนครบรอบจุดศูนย์กลาง ของกาแล็กซี ทางช้างเผือกครบ 1 รอบ
นักดารา ศาสตร์จึงมีความเห็นร่วมกันว่า เทหวัตถุทั้งมวลในระบบสุริยะไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ทุกดวง ดวงจันทร์ของ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน มีอายุเท่ากันตามทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบ สุริยะ และจากการนำ เอาหิน จากดวงจันทร์มา วิเคราะห์การสลายตัว ของสารกัมมันตภาพรังสี ทำให้ทราบว่าดวงจันทร์มี อายุประมาณ 4,600 ล้านปี
ในขณะเดียว กัน นักธรณีวิทยาก็ได้คำนวณ หาอายุของหินบนผิวโลก จากการสลายตัว ของอตอม อะตอมยูเรเนียม และสารไอโซโทป ของธาตุตะกั่ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลก ดวงจันทร์ อุกกาบาต มีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี และอายุของ ระบบสุริยะ นับตั้งแต่เริ่มเกิดจากฝุ่นละอองก๊าซ ในอวกาศ จึงมีอายุไม่เกิน 5000 ล้านปี ในบรรดาสมาชิกของระบบสุริยะซึ่งประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดวงจันทร์ ของดาวเคราะห์ดาวหาง อุกกาบาต สะเก็ดดาว รวมทั้งฝุ่นละองก๊าซ อีกมากมาย นั้นดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ 9 ดวง จะได้รับความสนใจมากที่สุดจากนักดาราศาสตร์
ขณะที่ดวง อาทิตย์เกิดใหม่ๆ และละอองสสารในกลุ่มก๊าซ เกิดการกระแทกซึ่งกันและกัน แล้วกลายเป็นกลุ่มก้อนสสาร ขนาดใหญ่ จนกลายเป็นเทหวัตถุแข็ง เกิดขั้นในวงโคจรของดวงอาทิตย์ ซึ่งเราเรียกว่า ดาวเคราะห์และดวงจันทร์ของดาวเคราะห์นั่นเอง
ระบบสุริยะของเรามีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบ กับโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกาแล็กซีของเราหรือ กาแล็กซีทางช้างเผือก ระบบสุริยะตั้งอยู่ในบริเวณวงแขนของกาแล็กซีทางช้างเผือก (Milky Way) ซึ่งเปรียบเสมือนวงล้อยักษ์ที่หมุนอยู่ในอวกาศ โดยระบบสุริยะ จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกประมาณ 30,000 ปีแสง ดวงอาทิตย์ จะใช้เวลาประมาณ 225 ล้านปี ในการเคลื่อนครบรอบจุดศูนย์กลาง ของกาแล็กซี ทางช้างเผือกครบ 1 รอบ
นักดารา ศาสตร์จึงมีความเห็นร่วมกันว่า เทหวัตถุทั้งมวลในระบบสุริยะไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ทุกดวง ดวงจันทร์ของ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน มีอายุเท่ากันตามทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบ สุริยะ และจากการนำ เอาหิน จากดวงจันทร์มา วิเคราะห์การสลายตัว ของสารกัมมันตภาพรังสี ทำให้ทราบว่าดวงจันทร์มี อายุประมาณ 4,600 ล้านปี
ในขณะเดียว กัน นักธรณีวิทยาก็ได้คำนวณ หาอายุของหินบนผิวโลก จากการสลายตัว ของอตอม อะตอมยูเรเนียม และสารไอโซโทป ของธาตุตะกั่ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลก ดวงจันทร์ อุกกาบาต มีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี และอายุของ ระบบสุริยะ นับตั้งแต่เริ่มเกิดจากฝุ่นละอองก๊าซ ในอวกาศ จึงมีอายุไม่เกิน 5000 ล้านปี ในบรรดาสมาชิกของระบบสุริยะซึ่งประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดวงจันทร์ ของดาวเคราะห์ดาวหาง อุกกาบาต สะเก็ดดาว รวมทั้งฝุ่นละองก๊าซ อีกมากมาย นั้นดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ 9 ดวง จะได้รับความสนใจมากที่สุดจากนักดาราศาสตร์
วัตถุในระบบสุริยะ
ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ที่มีชนิดสเปกตรัม G2 มีมวลประมาณ 99.86% ของทั้งระบบ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมี 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และ ดาวเนปจูน
ดาวบริวาร คือ วัตถุที่โคจรรอบดาวเคราะห์ ฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กอื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นวงแหวนโคจรรอบดาวเคราะห์ ขยะอวกาศที่โคจรรอบโลก เป็นชิ้นส่วนของจรวด ยานอวกาศ หรือดาวเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น
ซากจากการก่อตัวของ ดาวเคราะห์ เป็นเศษฝุ่นที่จับตัวกันในยุคแรกที่ระบบสุริยะก่อกำเนิด อาจหมายรวมถึงดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง
ดาวเคราะห์น้อย คือ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์ ส่วนใหญ่มีวงโคจรไม่เกินวงโคจรของดาวพฤหัสบดี อาจแบ่งได้เป็นกลุ่มและวงศ์ ตามลักษณะวงโคจร
ดาวบริวารดาวเคราะห์ น้อย คือ ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าหรืออาจมี ขนาดพอๆ กัน
ดาวเคราะห์น้อยทรอย คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรอยู่ในแนววงโคจรของดาวพฤหัสบดีที่จุด L4 หรือ L5 อาจใช้ชื่อนี้สำหรับดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ที่จุดลากรางจ์ของดาวเคราะห์ดวง อื่นๆ ด้วย
สะเก็ดดาว คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเท่าก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปถึงผงฝุ่น
ดาวหาง คือ วัตถุ ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง มีวงโคจรที่มีความรีสูง โดยปกติจะมีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ภายในวงโคจรของดาวเคราะห์วงใน และมีจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดห่างไกลเลยวงโคจรของดาวพลูโต ดาวหางคาบสั้นมีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ดาวหางที่มีอายุเก่าแก่มักสูญเสียน้ำแข็งไปหมดจนกลายเป็นดาวเคราะห์น้อย ดาวหางที่มีวงโคจรเป็นรูปไฮเพอร์โบลา อาจมีกำเนิดจากภายนอกระบบสุริยะ
เซนทอร์ คือ วัตถุคล้ายดาวหางที่มีวงโคจรรีน้อยกว่าดาวหาง มักอยู่ในบริเวณระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีและดาวเนปจูน
วัตถุทีเอ็นโอ คือ วัตถุที่มีกึ่งแกนเอกของวงโคจรเลยดาวเนปจูนออกไป
วัตถุแถบไคเปอร์ มีวงโคจรอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50 หน่วยดาราศาสตร์ คาดว่าเป็นที่กำเนิดของดาวหางคาบสั้น บางครั้งจัดดาวพลูโตเป็นวัตถุประเภทนี้ด้วย นอกเหนือจากการเป็นดาวเคราะห์ จึงเรียกชื่อวัตถุที่มีวงโคจรคล้ายดาวพลูโตว่าพลูติโน
วัตถุเมฆออร์ต คือ วัตถุที่คาดว่ามีวงโคจรอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดของดาวหางคาบยาว
เซดนา วัตถุที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีวงโคจรเป็นวงรีสูงมาก ห่างดวงอาทิตย์ระหว่าง 76-850 หน่วยดาราศาสตร์ ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทใดได้ แม้ว่าผู้ค้นพบให้เหตุผลสนับสนุนว่ามันอาจเป็นส่วนหนึ่งของเมฆออร์ต ฝุ่นซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในระบบสุริยะ อาจเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์แสงจักรราศี ฝุ่นบางส่วนอาจเป็นฝุ่นระหว่างดาวที่มาจากนอกระบบสุริยะ
ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ที่มีชนิดสเปกตรัม G2 มีมวลประมาณ 99.86% ของทั้งระบบ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมี 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และ ดาวเนปจูน
ดาวบริวาร คือ วัตถุที่โคจรรอบดาวเคราะห์ ฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กอื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นวงแหวนโคจรรอบดาวเคราะห์ ขยะอวกาศที่โคจรรอบโลก เป็นชิ้นส่วนของจรวด ยานอวกาศ หรือดาวเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น
ซากจากการก่อตัวของ ดาวเคราะห์ เป็นเศษฝุ่นที่จับตัวกันในยุคแรกที่ระบบสุริยะก่อกำเนิด อาจหมายรวมถึงดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง
ดาวเคราะห์น้อย คือ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์ ส่วนใหญ่มีวงโคจรไม่เกินวงโคจรของดาวพฤหัสบดี อาจแบ่งได้เป็นกลุ่มและวงศ์ ตามลักษณะวงโคจร
ดาวบริวารดาวเคราะห์ น้อย คือ ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าหรืออาจมี ขนาดพอๆ กัน
ดาวเคราะห์น้อยทรอย คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรอยู่ในแนววงโคจรของดาวพฤหัสบดีที่จุด L4 หรือ L5 อาจใช้ชื่อนี้สำหรับดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ที่จุดลากรางจ์ของดาวเคราะห์ดวง อื่นๆ ด้วย
สะเก็ดดาว คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเท่าก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปถึงผงฝุ่น
ดาวหาง คือ วัตถุ ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง มีวงโคจรที่มีความรีสูง โดยปกติจะมีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ภายในวงโคจรของดาวเคราะห์วงใน และมีจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดห่างไกลเลยวงโคจรของดาวพลูโต ดาวหางคาบสั้นมีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ดาวหางที่มีอายุเก่าแก่มักสูญเสียน้ำแข็งไปหมดจนกลายเป็นดาวเคราะห์น้อย ดาวหางที่มีวงโคจรเป็นรูปไฮเพอร์โบลา อาจมีกำเนิดจากภายนอกระบบสุริยะ
เซนทอร์ คือ วัตถุคล้ายดาวหางที่มีวงโคจรรีน้อยกว่าดาวหาง มักอยู่ในบริเวณระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีและดาวเนปจูน
วัตถุทีเอ็นโอ คือ วัตถุที่มีกึ่งแกนเอกของวงโคจรเลยดาวเนปจูนออกไป
วัตถุแถบไคเปอร์ มีวงโคจรอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50 หน่วยดาราศาสตร์ คาดว่าเป็นที่กำเนิดของดาวหางคาบสั้น บางครั้งจัดดาวพลูโตเป็นวัตถุประเภทนี้ด้วย นอกเหนือจากการเป็นดาวเคราะห์ จึงเรียกชื่อวัตถุที่มีวงโคจรคล้ายดาวพลูโตว่าพลูติโน
วัตถุเมฆออร์ต คือ วัตถุที่คาดว่ามีวงโคจรอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดของดาวหางคาบยาว
เซดนา วัตถุที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีวงโคจรเป็นวงรีสูงมาก ห่างดวงอาทิตย์ระหว่าง 76-850 หน่วยดาราศาสตร์ ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทใดได้ แม้ว่าผู้ค้นพบให้เหตุผลสนับสนุนว่ามันอาจเป็นส่วนหนึ่งของเมฆออร์ต ฝุ่นซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในระบบสุริยะ อาจเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์แสงจักรราศี ฝุ่นบางส่วนอาจเป็นฝุ่นระหว่างดาวที่มาจากนอกระบบสุริยะ
ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล
ดวงอาทิตย์ (Sun)
เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล อยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางประมาณ 93 ล้านไมล์ และมีขนาดใหญ่กว่าโลกมากกว่า 1 ล้านเท่า มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่าโลก 100 เท่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของโลก อุณหภูมิของดวงอาทิตย์อยู่ระหว่าง 5,500 - 6,100 องศาเซลเซียส พลังงานของดวงอาทิตย์ทั้งหมดเกิดจากก๊าซไฮโดรเจน โดยพลังงานดังกล่าวเกิดจากปฏิกริยานิวเคลียร์ภายใต้สภาพความกดดันสูงของดวง อาทิตย์ ทำให้อะตอมของไฮโดรเจนซึ่งมีอยู่มากบนดวงอาทิตย์ทำปฏิกริยาเปลี่ยนเป็น ฮีเลียม
ซึ่งจะส่งผ่านพลังงานดังกล่าวมาถึงโลกได้เพียง 1 ใน 200 ล้านของพลังงานทั้งหมด นอกจากนั้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ยังเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของพลังงานความร้อนบนดวงอาทิตย์อันเนื่องมาจากจุดดับบนดวง อาทิตย์ (Sunspot) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแปรผันของพายุแม่เหล็ก และพลังงานความร้อน ทำให้อนุภาคโปรตรอนและอิเล็กตรอนหลุดจากพื้นผิวดวงอาทิตย์สู่ห้วงอวกาศ เรียกว่า ลมสุริยะ (Solar Wind) และแสงเหนือและใต้ (Aurora) เป็นปรากฏการณ์ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
การเกิดจุดดับบนดวง อาทิตย์ (Sunspot) บางครั้งเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และจะเห็นได้ชัดเจนเวลาดวงอาทิตย์ใกล้ตกดิน จุดดับของดวงอาทิตย์จะอยู่ประมาณ 30 องศาเหนือ และ ใต้ จากเส้นศูนย์สูตร ที่เห็นเป็นจุดสีดำบริเวณดวงอาทิตย์เนื่องจากเป็นจุดที่มีแสงสว่างน้อย มีอุณหภูมิประมาณ 4,500 องศาเซลเซียส ต่ำกว่าบริเวณโดยรอบประมาณ 2,800 องศาเซลเซียส นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าก่อนเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์นั้น ได้รับอิทธิพลจากอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณพื้นผิวดวงอาทิตย์มีการเปลี่ยน แปลง ทำให้อุณหภูมิบริเวณดังกล่าวต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และเกิดเป็นจุดดับบนดวงอาทิตย์
แสงเหนือและแสงใต้ (Aurora) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดบริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ มีลักษณะเป็นลำแสงที่มีวงโค้ง เป็นม่าน หรือ เป็นแผ่น เกิดเหนือพื้นโลกประมาณ 100 - 300 กิโลเมตร ณ ระดับความสูงดังกล่าวก๊าซต่างๆ จะเกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า และเมื่อถูกแสงอาทิตย์จะเกิดปฏิกริยาที่ซับซ้อนทำให้มองเห็นแสงตกกระทบเป็น แสงสีแดง สีเขียว หรือ สีขาว บริเวณขั้วโลกทั้งสองมีแนวที่เกิดแสงเหนือและแสงใต้บ่อย เราเรียกว่า "เขตออโรรา" (Aurora Zone)
ดาวพุธ (Mercury)
เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด สังเกตเห็นด้วยตาเปล่าได้ตอนใกล้ค่ำและ ช่วงรุ่งเช้า ดาวพุธไม่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร ดาวพุธหมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกกินเวลา ประมาณ 58 - 59 วัน และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 88 วัน
ดาวศุกร์ (Venus)
สังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยสามารถมองเห็นได้ทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกในเวลาใกล้ค่ำ เราเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" (Evening Star) ส่วนช่วงเช้ามืดปรากฏให้เห็นทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเรียกว่า "ดาวรุ่ง" (Morning Star) เรามักสังเกตเห็นดาวศุกร์มีแสงส่องสว่างมากเนื่องจาก ดาวศุกร์มีชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีผลทำให้อุณหภูมิพื้นผิวสูงขึ้น ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ไม่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร
โลก (Earth)
โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากมีชั้นบรรยากาศและมีระยะห่าง จากดวงอาทิตย์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต นักดาราศาสตร์อธิบายเกี่ยวกับการเกิดโลกว่า โลกเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซ และมีการเคลื่อนทีสลับซับซ้อนมาก โดยเราจะได้ศึกษาในรายละเอียดต่อไป
ดาวอังคาร (Mars)
อยู่ห่างจากโลกของเราเพียง 35 ล้านไมล์ และ 234 ล้านไมล์ เนื่องจากมีวงโคจรรอบดวง อาทิตย์เป็นวงรี พื้นผิวดาวอังคารมีปรากฏการณ์เมฆและพายุฝุ่นเสมอ เป็นที่น่าสนใจในการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีลักษณะและองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับโลก เช่น มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 วัน เท่ากับ 24.6 ชั่วโมง และระยะเวลาใน 1 ปี เมื่อเทียบกับโลกเท่ากับ 1.9 มีการเอียงของแกน 25 องศา ดาวอังคารมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 2 ดวง
ดาวพฤหัสบดี (Jupiter)
เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลา 9.8 ชั่วโมง ซึ่งเร็วที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลาย และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา12 ปี นักดาราศาสตร์อธิบายว่า ดาวพฤหัสเป็นกลุ่มก้อนก๊าซหรือของเหลวขนาดใหญ่ ที่ไม่มีส่วนที่เป็นของแข็งเหมือนโลก และเป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวารมากถึง 16 ดวง
ดาวเสาร์ (Saturn)
เป็นดาวเคราะห์ที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นดาวที่ประกอบไปด้วยก๊าซและของ เหลวสีค่อนข้างเหลือง หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลา 10.2 ชั่วโมง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 29 ปี ลักษณะเด่นของดาวเสาร์ คือ มีวงแหวนล้อมรอบ ซึ่งวงแหวนดังกล่าวเป็นอนุภาคเล็กๆ หลายชนิดที่หมุนรอบดาวเสาร์มีวงแหวนจำนวน 3 ชั้น ดาวเสาร์มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร 1 ดวง และมีดวงจันทร์ดวงหนึ่งชื่อ Titan ซึ่งถือว่าเป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล
ดาวยูเรนัส (Uranus)
หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 16.8 ชั่วโมง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 84 ปี ดาวยูเรนัสประกอบด้วยก๊าซและของเหลว เช่นเดียวกับ ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ 4.8 ดาวเนปจูน (Neptune) เป็นดาวเคราะห์ที่มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ เท่ากับ 17.8 ชั่วโมง และระยะ เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ เท่ากับ 165 ปี มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร 2 ดวง
ดาวพลูโต (Pluto)
เป็นดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายของระบบสุริยะจักรวาล มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ รอบ เท่ากับ 453 ชั่วโมง ระยะเวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ เท่ากับ 248 ปี เป็นดวงดาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวพุธ และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)